รถกระบะเป็นหนึ่งในประเภทรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในกลุ่มที่ต้องขนส่งสิ่งของบ่อยๆ อย่างกลุ่มผู้ทำธุรกิจ SME อีคอมเมิร์ซ รวมถึงผู้ที่ต้องเดินทางไป-กลับต่างจังหวัดเป็นประจำ ซึ่งรถกระบะสามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ รถกระบะฟอร์ดเรนเจอร์ (Ford Ranger) เป็นหนึ่งในแบรนด์ขวัญใจใครหลายคน โดยในตอนนี้ก็ได้เปิดตัวรถกระบะ Ford Next-Gen ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยรถกระบะโฉมใหม่จากฟอร์ดก็ได้ประกาศเปิดตัวรุ่นย่อยถึง 7 รุ่นเลยทีเดียว ในวันนี้ เรามาดูกันว่ารุ่น Ford Next-Gen แต่ละรุ่นจะแตกต่างกันอย่างไร พร้อมแนะนำฝาครอบกระบะแต่ง Ford Next-Gen ให้ดูหล่อมากยิ่งขึ้น
รู้จักรถกระบะ Ford Next-Gen Ranger โฉมใหม่ ฉลาดยิ่งขึ้น!
ทีมวิศวกรและนักออกแบบฟอร์ดให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่อย่างมาก จึงพัฒนาฟังก์ชันต่างๆ โดยอ้างอิงจากข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าทั่วโลก รับรองว่าอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีน่าสนใจ ซึ่งสะท้อนสโลแกนที่ว่า “Live the Ranger Life” อย่างเต็มที่ โดยแบ่งออกเป็น Sport จำนวน 3 รุ่นย่อย และ Wildtrack จำนวน 4 รุ่นย่อย
รถกระบะ Ford Next-Gen Ranger รุ่น Sport
Ford Next-Gen Ranger รุ่น Sport ทั้ง 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- Sport 2.0L Turbo HR 6MT เปิดตัวในราคา 929,000 บาท
- Sport 2.0L Turbo HR 6AT เปิดตัวในราคา 964,000 บาท
- Sport 2.0L Turbo 4X4 6AT เปิดตัวในราคา 1,049,000 บาท
แน่นอนว่าเพื่อให้ได้ขุมกำลังขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ Ford Next-Gen Ranger ทั้ง 3 รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบขนาด 2.0L ให้กำลัง 170 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 405 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ทั้งนี้ในรุ่น Sport 2.0L Turbo HR 6AT และ Sport 2.0L Turbo 4X4 6AT มีฟีเจอร์พิเศษเพิ่มขึ้นมา คือ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน HLA และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM นอกจากนี้ ยังมีโหมดการขับขี่ Terrain Management และระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC ที่เสริมมาให้เฉพาะรุ่น Sport 2.0L Turbo 4X4 6AT
ทั้ง 3 รุ่น โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งชุดแต่งภายนอกแบบสปอร์ตที่ให้ความรู้สึกปราดเปรียว ทั้งกระจังหน้า ล้ออัลลอย และอื่นๆ รอบคัน มาพร้อมไฟส่องสว่าง LED แบบจัดเต็ม ไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ ไฟ Daytime Running Lights สำหรับเวลากลางวัน ไฟท้ายแบบ LED ไฟตัดหมอกหน้า LED นอกจากนี้ ยังมีระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้า และบันไดข้างกระบะท้าย อำนวยความสะดวกในการขนย้ายสัมภาระ
ส่วนฟังก์ชันการใช้งานภายในก็จัดเต็ม สะดวกสบายทุกการเดินทาง อาทิ กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ แท่นชาร์จไร้สาย เบาะหนัง และหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง หน้าจอแสดงผลแบบ Multi-Touch ขนาด 10.1 นิ้ว ซึ่งรองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงระบบ FordPass Connect และอีกมากมาย
ด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยก็จะมีถุงลมนิรภัย 6 จุด คือ คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน กล้องมองหลังขณะถอยจอด ระบบ ABS ป้องกันล้อล็อก ระบบ EBD กระจายแรงเบรก และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control สร้างความอุ่นใจทุกการเดินทาง
ทั้งนี้ ในรุ่น Sport 2.0L Turbo HR 6AT และ Sport 2.0L Turbo 4X4 6AT จะมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ เพิ่มขึ้นมา ได้แก่ ระบบ ESP ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบ HLA ช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน และระบบ ROM ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ส่วนรุ่นท็อปอย่าง Sport 2.0L Turbo 4X4 6AT จะมีระบบเลือกโหมดการขับขี่ Terrain Management แบบหมุน และระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC เสริมขึ้นมาอีกขั้น
รถกระบะ Ford Next-Gen Ranger รุ่น Wildtrak
Ford Next-Gen Ranger รุ่น Wildtrack ทั้ง 4 รุ่นย่อย ได้แก่
- Wildtrak 2.0L Turbo HR 6MT เปิดตัวในราคา 999,000 บาท
- Wildtrak 2.0L Turbo HR 6AT เปิดตัวในราคา 1,049,000 บาท
- Wildtrak 2.0L Bi-Turbo HR 10AT เปิดตัวในราคา 1,159,000 บาท
- Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4X4 10AT เปิดตัวในราคา 1,299,000 บาท
รถกระบะฟอร์ดในรุ่น Wiltrack นี้ถือเป็นคู่ใจสายลุยหลายๆ คนที่ไม่ว่าจะขึ้นเขา ลุยถนนลูกรัง หรือจะท้าป่าฝ่าดงพงไพร ก็ไปได้ทุกที่แบบไม่มีหวั่น เพราะ Ford Next-Gen Ranger Wildtrak ใช้เครื่องยนต์ดีเซลพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ โดยมีให้เลือก 2 รูปแบบย่อย คือ
- เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 2.0L ให้กำลัง 170 แรงม้า และแรงบิดสูง 405 นิวตันเมตร ในรุ่น Wildtrak 2.0L Turbo HR 6MT และ Wildtrak 2.0L Turbo HR 6AT
- เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ขนาด 2.0L ให้กำลังที่สูงกว่าอยู่ที่ 210 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร ในรุ่น Wildtrak 2.0L Bi-Turbo HR 10AT และ Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4X4 10AT
ในส่วนของระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ภายนอกรุ่น Wildtrak ก็มีฟังก์ชันครบไม่แพ้รุ่น Sport เริ่มจากล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/65R18 ไฟ LED รอบคัน ทั้งไฟหน้าโปรเจกเตอร์ ไฟ Daytime Running Lights ไฟท้ายแบบ LED และไฟตัดหมอกหน้า LED รวมไปถึงระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับด้วยไฟฟ้า และบันไดข้างกระบะท้าย แถมยังมีอุปกรณ์เสริมที่มีเฉพาะรุ่น Wildtrak คือ สปอร์ตบาร์พร้อมราวหลังคา พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12V และ 230V และฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift สร้างความสะดวกในการขนย้ายสิ่งของหรือสัมภาระมากยิ่งขึ้น
ในด้านของการตกแต่งและฟังก์ชันภายใน แน่นอนว่าต้องเริ่มต้นด้วยกุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ อาทิ แท่นชาร์จไร้สาย เบาะหนัง และหนังสังเคราะห์แบบเฉพาะรุ่น Wildtrak หน้าจอแสดงผลแบบ Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว ซึ่งรองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A รวมถึงระบบ FordPass Connect สุดท้ายนี้ ยังมีไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร เพิ่มความหรูหราอีกระดับ
รถกระบะ Ford Next-Gen Ranger Wildtrak เพิ่มระดับความปลอดภัยอีกขั้น ด้วยถุงลมนิรภัย 7 จุด คือ คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน สัญญาณเตือนและกล้องมองหลังขณะถอยจอด ระบบ ABS ป้องกันล้อล็อก ระบบ EBD กระจายแรงเบรก ระบบ ESP ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบ HLA ช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน ระบบ ROM ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ เบรกมือไฟฟ้า และระบบ Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
โดยในรุ่น Wildtrak 2.0L Bi-Turbo HR 10AT กับ Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4X4 10AT จะมีระบบความปลอดภัยเพิ่มขึ้นมา คือ สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go พร้อมระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางพร้อมช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง และระบบการช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะทางแบรนด์ยังเสริมอุปกรณ์อย่างกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา ไฟหน้าแบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงอัตโนมัติและระบบป้องกันไฟแยงตา ส่วนรุ่น Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4X4 10AT จะมีระบบเลือกโหมดการขับขี่ Terrain Management แบบหมุน และระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC เพิ่มขึ้นมานั่นเอง
จะเห็นได้ว่ารุ่น Ford Next-Gen ทั้งสองรุ่นนั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ทรงพลังและฟังก์ชันการใช้งานครบครันสุดๆ ซึ่ง ราคา Ford Next-Gen Wildtrak สูงกว่า Sport แต่ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ครอบคลุมมากกว่า แต่ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็รับรองว่าตอบโจทย์สายลุยแน่นอน
ส่วนท่านใดที่อยากเพิ่มออปชันเสริมให้กับกระบะฟอร์ดคู่ใจ ที่ Mountain Top มีฝาครอบกระบะสำหรับแต่ง Ford Next-Gen โดยเฉพาะมาแนะนำอีกด้วย
อุปกรณ์เสริม Mountain Top สำหรับ Ford Ranger
Mountain Top ออกแบบอุปกรณ์ฝาปิดกระบะ สปอร์ตบาร์รถกระบะ High-End ที่ได้รับการยอมรับระดับสากล ได้รับการการันตีด้วย Ford Licensed Accessories ผ่านการออกแบบและพัฒนา พร้อมการทดสอบประสิทธิภาพจากประเทศออสเตรเลียและเดนมาร์ก
EVOe ฝาปิดกระบะแบบสไลด์ระบบไฟฟ้า
ฝาปิดกระบะแบบสไลด์ระบบไฟฟ้า หนึ่งในอุปกรณ์สำหรับแต่งรถกระบะ Ford Next Gen ที่เหนือกว่าฝาปิดรถกระบะทั่วไป ด้วยดีไซน์สปอร์ต หรูหรา และโฉบเฉี่ยว ออกแบบทางวิศวกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเดนมาร์ก พร้อมผ่านการทดสอบภาคสนามในประเทศออสเตรเลีย
- ผลิตจากอะลูมิเนียม เคลือบด้วย Powder Coat ทำให้มีน้ำหนักเบา และปลอดภัย สามารถป้องกันรอยขีดข่วนจากของมีคมได้ 100%
- ดีไซน์ที่ไร้ขอบ ไม่มีมือจับภายนอกหรือกุญแจล็อก สัมภาระปลอดภัยทุกการเดินทาง
- ระบบระบายน้ำถึง 6 จุด ระบายน้ำได้รวดเร็วถึง 40 ลิตร/นาที
- ควบคุมง่าย ผ่านรีโมทเปิด-ปิดจากระยะไกล ควบคุมให้หยุดในตำแหน่งที่ต้องการได้ พร้อมมีระบบล็อคอัตโนมัติทุกตำแหน่ง
- สายพานไฟฟ้า ได้รับการจดสิทธิบัตรด้วยกลไกการออกแบบพิเศษ เพื่อให้สไลด์เปิด-ปิดได้อย่างนุ่มนวล พร้อมแสงไฟ LED ที่จะค่อยๆ สว่างขึ้นเมื่อเปิดฝาและดับลงเมื่อปิดฝาท้ายกระบะ
- รองรับของแต่งรถกระบะเสริมชิ้นอื่นๆ เช่น สปอร์ตบาร์ แร็ควางของ ชุดคานจักรยาน ฯลฯ
EVOm ฝาปิดกระบะแบบสไลด์ระบบแมนนวล
ฝาปิดกระบะแบบสไลด์ระบบแมนนวล อุปกรณ์สำหรับแต่งรถกระบะ Ford Next Gen ด้วยดีไซน์สปอร์ต หรูหรา โฉบเฉี่ยว และทนทานสูง ออกแบบทางวิศวกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเดนมาร์ก
- ผลิตจากอะลูมิเนียม เคลือบด้วย Powder Coat ทำให้มีน้ำหนักเบา และปลอดภัย สามารถป้องกันรอยขีดข่วนจากของมีคมได้ 100%
- ดีไซน์ที่ไร้ขอบ ไม่มีมือจับภายนอกหรือกุญแจล็อก สัมภาระปลอดภัยทุกการเดินทาง
- รองรับของแต่งรถกระบะเสริมชิ้นอื่นๆ เช่น สปอร์ตบาร์ แร็ควางของ ชุดคานจักรยาน ฯลฯ
นอกจากนี้ Mountain Top ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับรถกระบะ Ford Next-Gen Ranger อาทิ Cargo Carriers แร็ควางหลังคารถกระบะสำหรับวางของ ติดตั้งง่ายโดยไม่ต้องเจาะติดกับตัวรถ Bed Divider แผ่นกั้นกระบะสำหรับจัดระเบียบสัมภาระท้ายกระบะ และ Cargo Slide ถาดสไลด์อเนกประสงค์ที่จะช่วยให้การเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บสิ่งของท้ายรถกระบะสะดวกมากยิ่งขึ้น
สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติม คลิก
ติดต่อเรา
เว็บไซต์: www.mountaintop.co.th/
Facebook: Mountain Top Thailand
LINE: Mountain Top TH
YouTube: Mountain Top Thailand